ประเภทของรถบิ๊กไบค์

รถบิ๊กไบค์สามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
1. Touring Bike
2. Sport Bike
3. Cruiser Bike
4. Dual Purpose Bike

ทีนี้มาพูดถึงรถแต่ละประเภทกันครับ ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง แตกต่างกันอย่างไร เริ่มต้นจาก Touring ก่อนละกันครับ

1. Touring Bike สำหรับบิ๊กไบค์ทัวริ่ง จะถูกออกแบบให้ขับง่ายและขับสบาย เนื่องจากต้องใช้วิ่งในระยะทางไกล และรถประเภททัวริ่งนั้น มีจุดเด่นคือ มีบังลมหน้าขนาดใหญ่ มีกระเป๋าใส่สัมภาระขนาดใหญ่ และที่สำคัญคือแฮนรถมอเตอร์ไซต์ถูกออกแบบมายกสูงเพื่อให้สบายกับการขับขี่ จะได้ไม่เมื่อยล้าง่าย ทำให้รถแบบทัวร์ริ่งเหมาะสำหรับวิ่งทางไกล บรรทุกของได้เยอะ เนื่องจากสามารถใส่กระเป๋าข้างซ้าย-ขวา เพื่อบรรจุสัมภาระได้เยอะ มีอยู่หลายยี่ห้อด้วยกันเช่น Kawasaki Versys, Yamaha XT1200 เป็นต้น

รูปภาพ Touring Bike







2. Sport Bike เป็นรถที่มีทรงปราดเปรียว ส่วนใหญ่เป็นรถที่ใช้แข่งในสนามแข่ง ซึ่งก็จะเน้นความเร็ว ทำให้มีกำลังเครื่องสูง อัตราเร่งสูง และถูกออกแบบมาให้ควบคุมรถได้ง่าย เป็นรถทรงต่ำ จึงต้องก้มโน้มตัวไปข้างหน้าในการขับขี่ ทำให้การขับรถทรงนี้จะเมื่อยล้าพอสมควร ไม่เหมาะกับการเดินทางไกล แต่เมื่อขับแล้วจะดูเท่ห์และสวยงามมาก ตัวแฮนจะมีลักษณะต่ำลงและตัวถังจะสูง ไว้สำหรับรองรับช่วงลำตัว ปกติแล้วการขับรถทรงสปอร์ตจะโน้มตัวเพื่อช่วยลดแรงต้านของลมได้อีกด้วย

รูปภาพ Sport Bike







3. Cruiser Bike
เป็นรถที่ออกแบบมาสำหรับใช้ในการขับขี่ทางไกล ออกทริปทางไกล ปกติแล้วจะขับไม่เน้นเร็วมาก เน้นขับไปเรื่อยๆ ช้าๆ ใช้ความเร็วต่ำๆ เป็นหลัก รถบิ๊กไบค์แบบ Cruiser จะไม่มีบังลมส่วนหน้า เน้นรูปทรงที่ธรรมด แต่มีเสียงดังกระหึ่มมากๆ ท่านั่งจะขับขี่ค่อนข้างสบาย แต่จะไม่สบายเท่ากับทัวร์ริ่งไบค์ ส่วนใหญ่คนไทยจะเรียกกันติดปากว่า "ช็อปเปอร์" แต่จริงๆ แล้วช็อปเปอร์นั้นก็ถูกดัดแปลงมาจากทรง Cruiser นั้นเองครับ

รูปภาพ Cruiser Bike









4. Dual Purpose Bike
เป็นรถสำหรับใช้ขับในที่ๆ วิบากหรือจะขับในที่ถนนเรียบๆ ก็ได้ ส่วนใหญ่จะใช้ขับขี่ในทางที่รถทั่วไปเข้าถึงไม่ได้ หรือผู้ที่ต้องการขับขี่แบบลุยหิน ลุยดินขรุขระ เหมาะกับขี่บนเทือกเขา ส่วนใหญ่ได้รับความนิยมในประเทศยุโรป แต่จะมีความแตกต่างจากรถมอเตอร์ครอสก็ตรงที่มีขนาดซีซีที่สูงกว่า และยังวิ่งได้เร็วกว่าอีกด้วย บางคนอาจจะใช้ขับในเมืองก็ได้ครับ

รูปภาพ Dual Purpose Bike